บ้านแต่ละหลังโดยส่วนใหญ่จะต้องมีการสำรองระบบต่างๆ ไว้ใช้ยามฉุกเฉิน หรือเมื่อเกิดสถานการณ์ที่ไม่ทันตั้งตัว โดยเฉพาะในเรื่องของระบบประปาและสุขาภิบาล การสำรองระบบน้ำไว้ใช้นี้ ก็มักจะเห็นเป็นถังขนาดมหึมาใกล้ๆ กับตัวบ้าน ซึ่งนั่นก็คือ ‘ถังเก็บน้ำ’ นั่นเอง
ประโยชน์ของถังเก็บน้ำ คือ เก็บสำรองน้ำไว้ใช้ยามเกิดเหตุการณ์ฉุกเฉิน เช่น การซ่อมท่อประปา ที่อาจส่งผลให้ส่วนกลางต้องงดจ่ายน้ำให้กับบ้านที่อยู่อาศัยแถวนั้นทุกหลังเป็นการชั่วคราว หากเป็นเช่นนั้นจริงเราก็ยังสามารถนำน้ำที่สำรองไว้ในถังเก็บน้ำออกมาใช้ยามเกิดเหตุการณ์ฉุกเฉินนี้ได้นั่นเอง ในปัจจุบันถังเก็บน้ำมีหลากหลายรูปแบบให้เราได้เลือกตามการใช้งานและความชอบ แต่สำหรับบทความนี้เราจะมาชวนคิดคำนวณเพื่อหาขนาดของถังน้ำที่เหมาะสม ที่มีความเพียงพอต่อความต้องการการใช้น้ำของคนทุกคนในบ้าน โดยมีรายละเอียดการคำนวณดังนี้
การใช้น้ำโดยเฉลี่ยของเราก็คือ 200 ลิตร/วัน ซึ่งได้มาจากการอุปโภคและบริโภค โดยเราสามารถนำตัวเลข 200 นี้มาคูณเข้ากับจำนวนผู้อยู่อาศัยและจำนวนวันที่เราต้องการเก็บไว้สำรองใช้ได้ ดังนี้
(200 x จำนวนผู้อยู่อาศัย) x จำนวนวันที่ต้องการสำรองน้ำไว้ใช้ = ขนาดถังเก็บน้ำที่เหมาะสม (ลิตร)
ยกตัวอย่าง เช่น
บ้านหลังหนึ่ง มีผู้อยู่อาศัยทั้งหมด 5 คน ต้องการเลือกซื้อถังเก็บน้ำไว้สำรองใช้เผื่อน้ำไม่ไหล ประมาณ 2 วัน มีหลักการคิดดังนี้
(200 x 5) x 2 = 2,000 ลิตร
ดังนั้น ขนาดของถังเก็บน้ำที่บ้านหลังนี้ควรเลือกซื้อคือ 2,000 ลิตร นั่นเอง
เนื่องจากตัวเลข 200 เป็นค่าการใช้น้ำโดยเฉลี่ยของเรา ซึ่งอาจไม่ได้เที่ยงตรงสำหรับบ้านทุกหลังเสมอไป
โดยเราสามารถลดหรือเพิ่มปริมาณการใช้น้ำภายในบ้านของเราได้ตามความเหมาะสม เพื่อให้เพียงพอกับการใช้งานของทุกคนในบ้านให้ได้มากที่สุด